ดอลลี่อาย vs ถุงใต้ตา ต่างกันยังไง? มีข้อสังเกตุอย่างไร

ดอลลี่อาย หรือ ถุงใต้ตา รู้วิธีเช็กง่าย ๆ จบใน 1 นาที

ดอลลี่อาย กับ ถุงใต้ตา สองสิ่งนี้ที่อยู่ใกล้กันนิดเดียว แต่ให้ผลลัพธ์บนใบหน้าตรงข้ามกันสุดขั้ว! สิ่งหนึ่งช่วยให้ หน้าเด็ก ดูสดใส แต่อีกสิ่งกลับทำให้ใบหน้าดูโทรมและแก่กว่าวัย การแยกสองอย่างนี้ให้ออกจึงสำคัญมากนะคะ จะได้ไม่เผลอเลือกวิธีดูแลใต้ตาแบบผิด ๆ วันนี้ Classcare Clinic สรุปทุกอย่างที่ต้องรู้มาให้แล้ว รับรองว่าอ่านจบแล้วแยกออกทันทีค่ะ

ดอลลี่อาย #ดูดีมีคลาส
ปุ่ม Phone Classcare
ปุ่ม Line Classcare
ปุ่ม Messenger Classcare

มาทำความรู้จัก “ดอลลี่อาย” ขอบตาสายแบ๊วที่ใคร ๆ ก็อยากมี


พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ดอลลี่อาย ก็คือ “กล้ามเนื้อ” ที่อยู่รอบดวงตาของเรานี่เองค่ะ ในบางคน กล้ามเนื้อส่วนขอบตาล่างจะนูนขึ้นมาเป็นขอบเล็ก ๆ (หนาประมาณ 2 – 5 มม.) ซึ่งจะอยู่ชิดกับแนวขนตาพอดีเป๊ะ และจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นเวลาที่เรายิ้ม

และลักษณะนี้เองที่ทำให้ดวงตาดูมีมิติ ตาหวาน และสดใส เหมือนดวงตาของเด็ก ๆ เป็นที่มาของลุค หน้าเด็ก ที่ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเป็นมิตรและอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ ขอย้ำอีกครั้งว่านี่คือกล้ามเนื้อที่มีเสน่ห์ ไม่ใช่ไขมันหรือความผิดปกติใด ๆ เลยค่ะ

ทำไมคนถึงอยากมีดอลลี่อาย?

เหตุผลที่การมีขอบตาตุ่ย ๆ กลายเป็นเทรนด์ฮิตตลอดกาล ก็เพราะมันมอบผลลัพธ์ที่น่าทึ่งให้กับใบหน้าได้หลายอย่างเลยค่ะ

  • หน้าดูเด็กลง เพราะเป็นลักษณะที่เหมือนกับใต้ตาของเด็ก ๆ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้นทันที
  • ตาดูหวาน มีมิติ ช่วยให้ดวงตาที่เรียบเฉยดูกลมโตและมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากขึ้น เหมือนตุ๊กตาตาหวาน
  • ใบหน้าดูเป็นมิตร เพราะดวงตาจะดูเหมือนอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา ทำให้ใบหน้าดูซอฟต์ลงและเข้าถึงง่าย
  • แต่งหน้าง่ายขึ้น ไม่ว่าจะแต่งหน้าลุคไหน ก็จะช่วยให้เมคอัพบริเวณใต้ตาดูโดดเด่นและมีลูกเล่นมากขึ้น

การทำขอบตาตุ่ย ๆ เหมาะกับใคร?

อยากมีขอบตาตุ่ย ๆ ดูน่ารักเหมือนเด็กใช่ไหมคะ? มาดูกันค่ะว่าลุคนี้จะเหมาะกับเพื่อน ๆ แบบไหนเป็นพิเศษ

  • คนที่อยากปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์ สดใส
  • คนที่มีใต้ตาเรียบแบนเกินไป อยากเพิ่มมิติให้ดวงตา
  • คนที่อยากให้ดวงตาดูหวานและซอฟต์ลง
  • คนที่มีผิวใต้ตาค่อนข้างเรียบเนียน ไม่มีปัญหาถุงใต้ตาขนาดใหญ่

“ถุงใต้ตา” ตัวการร้ายที่ทำให้หน้าโทรม


ถ้า ดอลลี่อาย คือกล้ามเนื้อที่น่ารัก ถุงใต้ตา ก็คือ “ไขมัน” ตัวร้ายที่ไม่มีใครอยากมีค่ะ มันคือถุง ไขมันใต้ตา ที่แต่เดิมควรจะอยู่เรียบ ๆ ในเบ้าตา แต่เพราะผิวหนังและกล้ามเนื้อที่คอยพยุงไว้เริ่มอ่อนแอและหย่อนคล้อยลงตามวัยหรือจากพันธุกรรม เจ้าไขมันนี้เลยปูดนูนออกมาเป็นก้อน ตำแหน่งของมันจะอยู่ “ต่ำลงมา” จากขอบตาอย่างชัดเจน ไม่ได้อยู่ชิดแนวขนตาเหมือนดอลลี่อายเลยค่ะ

และเจ้าก้อนนูนนี่เองที่มักจะมาพร้อมกับความบวม ความคล้ำ และร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และแก่กว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าเราดูไม่สดใสค่ะ

เทียบให้ชัด ดอลลี่อาย กับ ถุงใต้ตา สังเกตุอย่างไร?

เทียบให้ชัด! ดอลลี่อาย กับ ถุงใต้ตา สังเกตุอย่างไร?


มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดค่ะ เราจะเทียบให้เห็นกันชัด ๆ แบบจุดต่อจุด รับรองว่าดูจบแล้วแยกออกได้ด้วยตาเปล่าทันที!

ตำแหน่ง

  • ดอลลี่อาย: จะอยู่ ชิดขอบขนตาล่าง เลยค่ะ เป็นเส้นนูนเล็ก ๆ ที่ทำให้ดวงตาดูมีขอบเขตสวยงาม
  • ถุงใต้ตา: จะอยู่ ต่ำลงมา ในบริเวณเบ้าตา ไม่ได้ติดกับขอบขนตา และมักจะกินพื้นที่กว้างกว่า

ลักษณะ

  • ดอลลี่อาย: เป็น เส้นนูนสวย ๆ ขนาดสม่ำเสมอ ผิวดูเต่งตึง เหมือนมัดกล้ามเนื้อสุขภาพดี
  • ถุงใต้ตา:  เป็น ก้อนบวม ๆ นูน ๆ ที่อาจดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และมีขนาดไม่สม่ำเสมอ

เทสด้วยการยิ้ม (วิธีเช็กที่ง่ายที่สุด!)

  • ดอลลี่อาย: พอยิ้มแล้วจะ นูนชัดขึ้น ทันที เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่กำลังทำงาน
  • ถุงใต้ตา: พอยิ้มแล้วจะ เท่าเดิมหรืออาจดูเล็กลง เพราะเป็นแค่ก้อนไขมันที่ถูกกล้ามเนื้อดัน

ผลลัพธ์ต่อใบหน้า

  • ดอลลี่อาย: เป็น “ผู้ช่วย” ที่ทำให้ หน้าเด็ก ตาหวาน และใบหน้าดูสดใสเป็นมิตร
  • ถุงใต้ตา: เป็น “ตัวร้าย” ที่ทำให้ หน้าแก่ ดูโทรม และใบหน้าดูอ่อนเพลียตลอดเวลา

อยากมีดอลลี่อายสวย ๆ ต้องทำยังไง?


สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาด้วย ดอลลี่อาย ขอบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ปัจจุบันมีวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยปั้นขอบตาสวย ๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยอยู่หลายวิธีเลย

วิธีที่ 1 : การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย (วิธีที่นิยมที่สุด)

เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เพราะสะดวก รวดเร็ว และเห็นผลชัดเจน โดยแพทย์จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความปลอดภัยสูง มาฉีดปั้นเป็นเส้น ดอลลี่อาย บริเวณขอบตาล่างอย่างประณีต

  • ข้อดี: ไม่ต้องผ่าตัด, ไม่ต้องพักฟื้น, เห็นผลลัพธ์ทันที, สามารถออกแบบขนาดและรูปทรงได้ตามต้องการ และสลายได้เองตามธรรมชาติ
  • ข้อควรระวัง: ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ไม่เป็นก้อน และดูเป็นธรรมชาติ

วิธีที่ 2 : การเติมไขมันใต้ตา (วิธีที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน)

วิธีนี้คือการใช้ “ไขมันจากร่างกายเราเอง” มาสร้างเป็น ดอลลี่อาย ค่ะ โดยแพทย์จะดูดไขมันจากส่วนอื่น (เช่น หน้าท้อง) มาผ่านกระบวนการคัดแยก แล้วฉีดกลับเข้าไปที่ขอบตาล่าง

  • ข้อดี: ปลอดภัยสูงเพราะเป็นเซลล์ของตัวเอง ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ และเมื่อไขมันติดแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนาน
  • ข้อควรระวัง: มีขั้นตอนซับซ้อนกว่า, ต้องใช้เวลาพักฟื้น และผลลัพธ์อาจมีการยุบตัวของไขมันในช่วงแรก ทำให้คาดการณ์ผลลัพธ์สุดท้ายได้ยากกว่า

วิธีเสริม : เลเซอร์และไหมละลาย (ตัวช่วยเตรียมผิว)

ต้องเข้าใจให้ถูกต้องนะคะว่า สองวิธีนี้ “ไม่ได้ช่วยสร้าง” ดอลลี่อาย ให้มีขนาดนูนขึ้นมาโดยตรง แต่เป็น “ผู้ช่วยชั้นดี” ที่เข้ามาเตรียมผิวให้พร้อมค่ะ

เปรียบเสมือนการเตรียมผืนผ้าใบให้เรียบก่อนวาดรูป เลเซอร์และไหมจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวใต้ตากระชับและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมให้การสร้าง ดอลลี่อาย ด้วยฟิลเลอร์หรือไขมันดูสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ศัลยกรรมถุงใต้ตา
ปุ่ม Phone Classcare
ปุ่ม Line Classcare
ปุ่ม Messenger Classcare

มีถุงใต้ตาเจ้าปัญหา จะแก้ไขได้อย่างไร?


ถ้าเพื่อน ๆ เช็กจนมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่มีคือ ถุงใต้ตา ไม่ใช่ ดอลลี่อาย การแก้ไขถุงใต้เเบบถาวรก็คือ “การผ่าตัด” ค่ะ ซึ่งแพทย์จะเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดกับปัญหาของแต่ละคน โดยมี 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

วิธีที่ 1 : ผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านนอก (สำหรับคนมีผิวหย่อนคล้อย)

วิธีนี้เป็นเหมือนการจัดการปัญหาแบบ 2-in-1 ค่ะ โดยแพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ ชิดแนวขนตาล่าง เพื่อเข้าไปนำ ไขมันใต้ตา ส่วนเกินออก พร้อมกับตัดแต่งผิวหนังที่หย่อนคล้อยทิ้งไป แล้วเย็บให้กลับมาเรียบเนียนเต่งตึงอีกครั้ง

  • เหมาะกับ: คนที่มี ถุงใต้ตาขนาดใหญ่ และมีผิวหนังใต้ตาหย่อนยานมาก
  • ข้อดี: ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งถุงไขมันและผิวหนังส่วนเกินในครั้งเดียว ทำให้ใต้ตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างชัดเจน

วิธีที่ 2: ผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านใน (ไร้รอยแผล เหมาะกับคนผิวยังตึง)

เทคนิคนี้ถือเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะจุดเด่นคือ “ซ่อนแผลไว้ด้านใน” ค่ะ แพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กมาก ๆ ผ่านเยื่อบุเปลือกตาด้านในเพื่อนำถุงไขมันออก ทำให้ไม่มีรอยแผลเป็นให้เห็นจากภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว

  • เหมาะกับ: คนอายุน้อย หรือคนที่มีปัญหาแค่ถุงไขมันปูดนูน แต่ผิวหนังภายนอกยังกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • ข้อดี: ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น, บวมช้ำน้อยกว่า และใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน

ทำไมการฉีดดอลลี่อายต้องเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์?


เหตุผลว่าทำไมการเลือกแพทย์จึงสำคัญที่สุด มีดังนี้ค่ะ

  • ความแม่นยำและปลอดภัย: แพทย์ที่มีประสบการณ์จะแม่นยำในกายวิภาค รู้ตำแหน่งของเส้นเลือดสำคัญ ทำให้ฉีดได้อย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: แพทย์จะออกแบบขนาดและรูปทรงของ ดอลลี่อาย ให้พอดีกับใบหน้าของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยหวาน ไม่ดูเป็นก้อนหรือเป็นหนอน
  • เทคนิคที่ถูกต้อง: เทคนิคที่ถูกต้องและนุ่มนวลจะช่วยลดอาการบวมช้ำให้น้อยที่สุด และยังช่วยให้ฟิลเลอร์เกาะตัวได้ดี อยู่ได้นานขึ้นอีกด้วย
  • การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: แพทย์จะรู้ว่าควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแบบไหนที่เหมาะกับผิวใต้ตาที่บอบบางโดยเฉพาะ เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติที่สุด

สรุป


สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ดอลลี่อาย คือ “กล้ามเนื้อ” ผู้ช่วยสร้างลุคให้ดูน่ารักสดใส ในขณะที่ ถุงใต้ตา คือ “ไขมัน” ตัวร้ายที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม และวิธีแยกที่แม่นยำที่สุดก็คือการ “ยิ้ม” ถ้าใต้ตานูนชัดขึ้นมา ยินดีด้วยค่ะ นั่นคือ ดอลลี่อาย! การเข้าใจความแตกต่างนี้คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกแนวทางการดูแลใต้ตาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเองที่สุด ที่ Classcare Clinic เราเชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาและประเมินอย่างละเอียดโดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ ควบคู่ไปกับความปลอดภัย อยากปรึกษาปัญหาใต้ตา หรือแก้ถุงใต้ตา ทักเข้ามาคุยกับเราได้เลยค่ะ

ด้วยความห่วงใยจาก CLASSCARE CLINIC คลินิกศัลยกรรมความงามที่มี
มาตรฐานความปลอดภัย และใส่ใจคุณลูกค้า


ปุ่ม Phone Classcare
ปุ่ม Line Classcare
ปุ่ม Messenger Classcare