ตาเหลือง ตาขาวไม่ใส เกิดจากสาเหตุอะไร แก้ไขยังไง?

อาการ “ตาขาวไม่ใส” อาจเกิดจากตับทำงานผิดปกติ ขาดวิตามิน หรือใช้สายตาหนักเกินไป ซึ่งล้วนส่งผลให้ดวงตาดูหมอง ไม่สดใสได้ วันนี้ Classcare Clinic ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ภาวะตาเหลือง ตาขาวขุ่น พร้อมสาเหตุที่เป็นไปได้ และวิธีดูแลดวงตาให้ปลอดภัย เหมาะกับทุกช่วงวัย เพื่อให้ทุกคนกลับมามีดวงตาที่สดใส และสุขภาพตาที่ดีอีกครั้งค่ะ

ตาขาวไม่ใส เป็นแบบไหน?
ภาวะตาขาวไม่ใส คือ การเปลี่ยนแปลงของตาขาวจากลักษณะปกติที่ควรขาวนวล เนียนใส และดูมีสุขภาพดี แต่หากเริ่มสังเกตว่าตาขาวมีสีขุ่น เหลือง มีจุดด่าง จุดสีน้ำตาล หรือดูหมอง ไม่สดใสเหมือนเดิม อาจเป็นสัญญาณบางอย่างจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม
ตาเหลือง ตาขาวขุ่น อันตรายไหม?
อาการตาเหลืองหรือตาขาวขุ่น อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ในทางการแพทย์ถือเป็น “สัญญาณเตือน” ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติภายในร่างกาย โดยเฉพาะหากอาการเป็นต่อเนื่องและไม่หายไปเอง
ตาขาวเหลืองมักเกี่ยวข้องกับการทำงานของตับที่ผิดปกติ เช่น โรคดีซ่าน ตับอักเสบ หรือภาวะตับแข็ง ส่วนตาขาวขุ่นอาจเกิดจากการติดเชื้อ การอักเสบ หรือการสะสมของของเสียในร่างกาย บางกรณีอาจเกี่ยวข้องกับภาวะขาดวิตามินหรือดื่มน้ำน้อยเกินไป
แม้อาการเหล่านี้จะไม่รู้สึกเจ็บหรือระคายเคือง แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรง การหมั่นสังเกตความผิดปกติของตา และพบแพทย์เมื่อมีความเปลี่ยนแปลง จึงเป็นทางป้องกันที่ดีที่สุดค่ะ

ตาขาวเป็นสีเหลืองเกิดจากอะไร?
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะตาเหลืองมีดังนี้ค่ะ
พันธุกรรม
บางกรณีการตาเหลืองอาจมีสาเหตุมาจากโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบเลือดหรือระบบตับ ซึ่งถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเหล่านี้ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
ปัญหาสุขภาพตา
โรคหรือภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อดวงตาโดยตรง เช่น
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การดำเนินชีวิตประจำวันบางอย่างอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการตาเหลืองได้ เช่น
ผลข้างเคียงจากยา
ยาบางชนิดอาจมีผลต่อสีของตาขาว เช่น
การติดเชื้อ
ตาขาวที่เปลี่ยนสีร่วมกับอาการแสบ คัน ระคายเคือง อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการสัมผัสสารเคมี ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดและรีบพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
ภาวะดีซ่าน (Jaundice)
ภาวะนี้เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดสารบิลิรูบินได้ ทำให้สารนี้สะสมในเลือด ส่งผลให้ตาขาวและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มักเกี่ยวข้องกับการทำงานของตับที่ผิดปกติ
โรคถุงน้ำดี
การอุดตันของท่อน้ำดีจากนิ่วหรือเนื้องอกทำให้ร่างกายไม่สามารถขับบิลิรูบินได้ อาจต้องใช้การผ่าตัดหรือตรวจเพิ่มเติมหากสงสัยว่าต้นเหตุมาจากจุดนี้
โรคตับ
ตับแข็ง มะเร็งตับ หรือตับอักเสบเรื้อรังล้วนเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาเหลือง หากมีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง หรือเคยติดไวรัสตับอักเสบ ควรเข้ารับการตรวจเช็กโดยละเอียด
โรคตับอ่อนอักเสบ
เกิดจากนิ่วที่ขัดขวางการไหลของน้ำย่อย ส่งผลให้ตับและระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจสะท้อนผ่านดวงตาในรูปแบบของตาเหลืองได้
โรคธาลัสซีเมีย
เป็นโรคเลือดที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย ส่งผลให้เกิดการสะสมของบิลิรูบินมากขึ้น และทำให้ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ รวมถึงอาจมีอาการซีด ท้องป่อง หรือม้ามโตร่วมด้วย
ตาเหลือง ขาดวิตามินอะไร?
ถ้าร่างกายขาดวิตามินเหล่านี้ อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตาเหลืองได้ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ!

วิธีดูแลและแก้ตาเหลืองให้กลับมาใสเหมือนเดิม
การฟื้นฟูให้ดวงตากลับมาใส สุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเรารู้จักดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เพราะพฤติกรรมเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันสามารถส่งผลต่อสุขภาพดวงตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ลองเริ่มต้นดูแลตามวิธีเหล่านี้ได้เลย
อาการตาเหลืองแบบไหนที่ควรพบแพทย์
สรุป
ตาขาวไม่ใส ตาเหลือง หรือขุ่น อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพ เช่น ตับทำงานผิดปกติ ขาดวิตามิน หรือใช้สายตาหนักเกินไป หากปล่อยไว้ อาจส่งผลต่อทั้งสุขภาพตาและความมั่นใจโดยรวม การดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยฟื้นฟูดวงตาให้กลับมาสดใสขึ้นได้ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจน และสำหรับใครที่อยากปรับลุคให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวา คมชัดขึ้น ก็สามารถเลือกทำ ตาสองชั้น ที่ Classcare Clinic ได้เลยค่ะ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทีมแพทย์ของเรายินดีให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดค่ะ
ด้วยความห่วงใยจาก CLASSCARE CLINIC คลินิกศัลยกรรมความงามที่มี
มาตรฐานความปลอดภัย และใส่ใจคุณลูกค้า



